![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
ออนไลน์ 9 |
พบกับอธิบดีกรมการศาสนาและศาสนาจารย์นิรุทธิ์ จันทร์ก้อนเพื่อ ปรึกษาถึงการก่อตั้งสภานานาศาสนาเพื่อสันติภาพในประเทศไทย15 สิงหาคม 2554 คณะกรรมการยกร่างโครงการก่อตั้งสภานานาศาสนาเพื่อสันติภาพที่ประกอบด้วยผู้นำศาสนาต่างๆ ภาคประชาสังคม องค์กรภาครัฐ และคณะกรรมการมูลนิธิสหพันธ์สันติภาพสากลเข้าพบกับอธิบดี รองอธิบดีกรมการศาสนา และผู้อำนวยการกองศาสนูปถัมภ์ ณ ห้องประชุมกรมการศาสนา ชั้น 15 กระทรวงวัฒนธรรมหลังจากรับฟังรายงานการความเป็นมาและหลักการของสภานานาศาสนาแล้ว ได้มีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ ดังสรุปได้ดังนี้
นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต้อนรับคณะกรรมการยกร่างโครงการก่อตั้งสภานานาศาสนาฯ และเห็นชอบในหลักการของโครงการก่อตั้งสภานานาศาสนาเพื่อสันติภาพ-ประเทศไทย และเห็นด้วยที่สภาฯ จะสามารถเริ่มต้นและเป็นแบบอย่างให้แก่นานาประเทศ โดยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสภาฯ ว่าสภานานาศาสนาฯ ที่จะตั้งขึ้นมานั้นควรจะไม่เป็นองค์กรของภาคราชการ หรือรัฐบาล แต่ควรเป็นองค์กรของภาคประชาชน ศาสนิกชนที่จะรวมพลังกันซึ่งจะเป็นพลังที่เข้มแข็งเพื่อสันติภาพ เป็นองค์กรที่มีบทบาทในการช่วยส่งเสริมงานของราชการให้ดียิ่งขึ้น โดยภาครัฐหรือกรมการศาสนาควรมีหน้าที่ในการช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุน และอธิบดีกล่าวแสดงความยินดีที่จะให้ความร่วมมือสนับสนุนในส่วนที่กรมการศาสนาจะสามารถช่วยได้ ถึงแม้ว่าตนเองกำลังจะครบวาระในเวลาอันใกล้นี้ แต่เชื่อว่าอธิบดีท่านต่อไปก็จะเห็นด้วยและยินดีให้การสนับสนุนโครงการนี้ด้วยเช่นกัน นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ให้ข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับต้นทุนชีวิต ซึ่งมีส่วนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสภานานาศาสนาฯ และการทำงานของมูลนิธิสหพันธ์สันติภาพสากลฯ ว่าปัจจุบันต้นทุนชีวิต 5 ด้านของเด็ก เยาวชน และประชาชนในประเทศไทย ที่กำลังเสื่อมถอยถึงขั้นวิกฤติ ดังสถานการณ์ของปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในทั่วโลก เช่นในประเทศอังกฤษ ได้แก่ 1.ค่านิยมในการทำความดี 2.การแบ่งปันน้ำใจ 3.การรู้เท่าทันความดีความชั่ว 4.ใฝ่รู้ภูมิปัญญาวัฒนธรรมท้องถิ่น และ 5.การนำหลักธรรมทางศาสนามาปฏิบัติในวิถีชีวิตจริง ซึ่งโดยเฉพาะต้นทุนในเรื่องของการนำหลักธรรมทางศาสนามาสู่วิถีชีวิตเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับงานที่สภานานาศาสนาฯ กำลังจะทำ และเป็นเรื่องที่สำคัญที่ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา นายเอนก สนามชัย ผู้อำนวยการส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนาและผู้แทนผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นว่าการทำงานของสภาฯ จะต้องได้รับการยอมรับ หรือการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยกรมการศาสนาสามารถเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือได้ และฝากอธิบดีในการให้ความร่วมมือส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการยกร่างโครงการก่อตั้งสภานานาศาสนาฯ ในครั้งต่อๆ ไป เพื่อรับทราบการดำเนินงานของโครงการอย่างต่อเนื่อง นายกมล ธนะนพวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิฯ เสริมว่าโดยผ่านสภานานาศาสนาฯ ที่จะนำคำสอนของแต่ละศาสนามาเป็นจุดรวมในการพัฒนาจิตใจของศาสนิกชน จะเป็นหนทางที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันจะเห็นเหตุการณ์ความไม่สงบและความเสื่อมศีลธรรมเกิดขึ้นในทุกๆด้านของสังคม ดังนั้น สภานานาศาสนาฯ จะเป็นหน่วยงานที่ช่วยสนับสนุนงานของภาครัฐ ทุกกระทรวง ทบวง กรมในการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างสันติสุขให้เกิดกับประเทศไทยได้ พลเอก ดร.วสุ ชนะรัตน์คณะกรรมการวิชาการความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา เชื่อว่าประเทศไทยเรามีศักยภาพและสามารถเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านคุณธรรม สามารถเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ ได้ และเรียนเชิญท่านอธิบดีร่วมทำงานกับคณะกรรมการสภานานาศาสนาฯ ต่อหลังจากที่เกษียณอายุราชการแล้ว นายพิสิทธิ์ นิรัตติวงศกรณ์ ผู้อำนวยการกองศาสนูปถัมภ์กล่าวว่าการทำงานต่างๆ ของกรมมีอำนาจทำตามกรอบของรัฐธรรมนูญ และยินดีที่จะให้การสนับสนุนการทำงานของโครงการสภานานาศาสนาฯ ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ นายจรูญ นราคร รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่ากรมการศาสนายินดีที่จะให้ความร่วมมือ พลเอกเทอดศักดิ์ มารมย์ ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่าโครงการสภานานาศาสนาเพื่อสันติภาพฯ ได้เริ่มต้นและดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบันนี้ ถือว่าไม่ได้เริ่มที่ศูนย์แล้ว ตอนนี้ได้เริ่มนับ 1, 2 .. แล้ว และจะต่อไปได้ถึงขั้นไหนก็อยู่ที่ความพยายามร่วมกัน นายแพทย์เล็ก ทวีเติมสกุล เลขาธิการมูลนิธิฯ ได้กล่าวสรุปว่าเนื่องในวันสันติภาพสากล วันที่ 21 กันยายน 2554 มีเป้าหมายว่าจะมีการเปิดตัว ประกาศก่อตั้งสภานานาศาสนาเพื่อสันติภาพฯ โดยจะเชิญศาสนิกของแต่ละศาสนา หน่วยงาน องค์กร บุคคลที่เกี่ยวข้อง มาร่วมฟังแนวคิดโครงการสภานานาศาสนาฯ และเปิดโอกาสให้ร่วมแสดงความคิดเห็นกันในวงกว้างมากขึ้น และได้เรียนเชิญท่านอธิบดีกรมการศาสนาไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย 17 สิงหาคม 2554 ศ.กีรติ บุญเจือ รองประธานมูลนิธิฯ นพ.เล็ก ทวีเติมสกุล เลขาธิการมูลนิธิฯ ว่าที่ ร.ต.กฤษณศักดิ์ กัณฑสุทธิ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย นายกมล ธนะนพวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิฯ และ นางวิภา ทวีเติมสกุล กรรมการสหพันธ์สตรีเพื่อสันติภาพโลก ในนามคณะกรรมการยกร่างโครงการก่อตั้งสภานานาศาสนาเพื่อสันติภาพฯ เข้าพบเพื่อปรึกษากับศาสนาจารย์นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน ผู้ก่อตั้งคริสตจักรใจสมาน ประธานมูลนิธิหทัยทิพ และศิษยภิบาลอาวุโส คริสตจักรร่วมนิมิตกรุงเทพ ซอย ลาดพร้าว 99 กรุงเทพมหานคร หลังจากรับฟังรายงานของหลักการและการพัฒนาการของแนวคิดการก่อตั้งสภานานาศาสนาในประเทศไทยจาก นพ.เล็ก ทวีเติมสกุล ศาสนาจารย์นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน เห็นว่ามนุษย์คือพี่น้องกัน มนุษย์ถูกสร้างให้เป็นพระฉายของพระเจ้าให้เป็นชายและหญิง ถ้าเรารักพระเยซูคริสต์ เราควรจะรักและมีชีวิตเพื่อผู้อื่น ยินดีที่จะร่วมสนับสนุนและทำงานเพื่อสร้างสันติภาพอย่างแท้จริง แม้โลกนี้แม้ว่าจะต่างศาสนากัน แต่เรามีโลกเดียวกัน สวรรค์เดียวกัน นรกเดียวกัน เมื่อเราอยู่ที่ใดก็ตาม เราควรอยู่ร่วมกันดั่งพี่น้องที่มีความบริสุทธิ์จริงใจต่อกัน สภาที่จะเกิดขึ้น ต้องเกิดด้วยความรัก ความจริงใจ และบริสุทธิ์ใจ และรักผู้อื่นอย่างเท่าเทียมกันจริงๆ ไม่เลือกข้าง และไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ จึงยินดีเข้าร่วมและสนับสนุนงานของสภานานาศาสนาเพื่อสันติภาพนี้ ศาสนาจารย์นิรุทธิ์เน้นย้ำว่า สังคมล้มเหลวแสดงว่าศาสนจักรล้มเหลว นั่นคือ องค์กรศาสนาล้มเหลวในการชี้ทางให้กับคนในสังคม ปัญหามันจึงเกิดขึ้นมากมาย ศาสนาต้องมีหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้นทุกข์และความชั่ว เพราะฉะนั้น นานาศาสนาช่วยเหลือสร้างสรรค์สังคมจึงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จุดแข็งของสภานานาศาสนาไม่ควรเพียงแค่ไกล่เกลี่ยหรือสร้างความปรองดองระหว่างศาสนา แต่จะต้องยื่นมืออกไปช่วยเหลือสังคมด้วย ช่วยให้คนในสังคมมีสำนึกในความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และช่วยกันทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับสังคมส่วนรวม นพ.เล็ก เสริมว่า โลกภายนอกปัจจุบัน ต่างให้ความสำคัญกับการร่วมมือกันคือหนทางที่จะสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้เกิดขึ้นกับองค์กร แต่ในระหว่างองค์กรศาสนาที่แตกต่างกันปัจจุบัน มีความร่วมมือกันน้อยมาก จึงจำเป็นต้องมีสภานานาศาสนาเกิดขึ้น ศาสนาจารย์นิรุทธิ์ เสริมว่า เมื่อสังคมมีปัญหาเช่นนี้ มันเป็นเพราะความล้มเหลวของศาสนจักรหรือศาสนาต่างๆ ในการชี้นำของในสังคมในการปฏิบัติพระธรรมหรือคำสอนของศาสนา ดังนั้น สภาศาสนานี้จึงมีภารกิจที่ท้าทายอย่างมากในการยกระดับจิตใจของคนในสังคม ในการจะดำเนินสิ่งนี้ได้ จำเป็นที่เราจะต้องเป็นคนที่ทั้งดี เก่ง กล้า และแกร่ง และยินดีที่จะเข้าร่วมประชุมเพื่อการดำเนินการเพื่อการก่อตั้งสภานานาศาสนาต่อไป
ข้อสรุป โดยผ่านการสนับสนุนและความร่วมมือของกรมการศาสนาและศาสนาจารย์นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน ความคืบหน้าของการก่อตั้งสภานานาศาสนาเพื่อสันติภาพได้ไปสู่จุดที่สามารถจัดการประกาศก่อตั้งได้บนพื้นฐานของการสนับสนุนของ 5 ศาสนาหลักและหน่วยงานราชการ คณะกรรมการยกร่างโครงการก่อตั้งสภานานาศาสนาจึงตัดสินใจที่จะจัดการประชุมเพื่อประกาศก่อตั้งสภานานาศาสนาเพื่อสันติภาพ-ประเทศไทยในวนสันติภาพสากล 21 กันยายน 2554 นี้โดยการเชิญผู้นำศาสนา หน่วยงานราชการ ภาคประชาสังคม และองค์กรส่งเสริมสันติภาพต่างๆ มาร่วมรับฟังความคิดเห็นและรวมพลังเพื่อสันติภาพ |